เมื่อตัวเลขสีเขียวบนป้ายสัญญาณไฟจราจรเริ่มนับถอยหลัง…ก่อนที่ไฟเหลือง สัญญาณเตรียมหยุดรถจะผงาดขึ้น
3…กระชับพวงมาลัยให้มั่น
2…เหยียบคันเร่งให้จมมิด
1…พารถทะยานเฉียดไฟแดงออกไปอย่างหวุดหวิด
(เฮ้ออออ!จะรีบไปไหน)
เชื่อว่าคงนึกภาพเหตุการณ์ข้างบนนี้ออกนะครับ
เพราะแม้แต่การใช้รถบนท้องถนนทุกวันนี้ ผู้คนให้ความสำคัญกับการนับถอยหลังสู่วินาทีที่จะไม่ต้องติดแหง็กอยู่กับที่กันมากขึ้น
เหตุการณ์อย่างนี้ ผมเองก็เคยเห็นอยู่บ่อยครั้งในเวลาก่อนสัญญาณหยุดของไฟจราจรจะขึ้น ครั้งหนึ่ง มีรถมอเตอร์ไซร์ รีบขับฝ่าไปอย่างหน้าตาเฉย พร้อมเสียงแตรและเสียงตะโกนด่าประนามตามหลัง ของคนขับรถที่ถลาออกมาจากอีกแยกหนึ่ง ทำให้เหตุการณ์อันตรายของผู้ชายคนนั้นผ่านพ้นไปอย่างหวุดหวิด ในความเป็นจริงแค่เราหยุดรถรอติดไฟแดงไม่ถึง5นาที กับ ชีวิตทั้งชีวิตต้องเสี่ยงถูกรถชน แล้วเจ็บตัว เพราะความรีบแบบไร้เหตุผล มันไม่คุ้มกันเลยนะครับ และดูเหมือนเราต่างจะเลี่ยงความรีบเร่งเหล่านี้ได้ยากเต็มที
แต่ถ้าพูดถึงโดยรวมแล้วใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย อย่างที่บอกไปเมื่อความเร่งรีบมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีแบบนี้แล้ว การใช้ชีวิตช้าๆเบาๆ สบายๆปล่อยมันไปตามวิถีของเวลาที่กำหนดไว้ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สุดวิสัย เกินแก่จะแก้ไขได้ ด้วยโอกาสนี้ผมจะขอเชิญชวนทุกท่านมาขยับจังหวะการใช้ชีวิตเข้าสู่เทรนด์ใหม่ของโลก คือเทรนด์”สโลว์ ไลฟ์” หรือ การใช้วิถีชีวิตแบบช้า ครับ
แต่บางคนบอกว่า ใช้ชีวิตช้าๆ แล้วจะไปทันใครเขา ยิ่งยุคนี้ สมัยนี้ ต้องได้อะไรที่รวดเร็วทันใจสิ
นั่นสิครับ แต่ถามกลับไปว่า การที่คุณรีบ ตื่นนอน รีบไปทำงาน เพื่อได้งานได้เงินเยอะ ต้องแข่งขันกับตัวเอง เบียดเบียนผู้อื่น และ สิ่งแวดล้อม แบบนี้ จริงๆแล้วมันทำให้คุณนั้น มีสุข หรือเปล่า เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ผมขอเถียงสุดใจครับ
เพราะวิถีช้าในที่ว่านี้ไม่ใช่การใช้ชีวิตให้ เรื่อยเปื่อยเฉื่อยเชื่องช้า จนออกบ้านไปทำงานไม่ทัน แต่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชีวิตที่เร่งรีบ และแข็งขันกับเวลาจนบางทีเราลืมใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใช้ชีวิตแบบไร้สติ เพราะว่า”ใจ”เราน่ะพุ่งไปหาอะไรก็ไม่รู้อีกสิ่บอย่างแล้วน่ะสิ
แต่ Slow ในที่นี้หมายถึงค่อยทำ ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ เป็นวิถีที่ห่างไกลโลกของทุนนิยม ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ด้วยจิตใจที่สงบ ใช้ชีวิตแบบช้าๆอย่างมีสติอยู่ทุกลมหายใจที่เข้าออกเสมอ และมีนัยที่แฝงอยู่ในเรื่องของอาหารการกินมากขึ้น ไม่พึ่งอาหารสำเร็จรูป พร้อมกับรักษาศิลปวัฒนธรรมในการกินอาหาร การทำอุตสหกรรมที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิตของคน และสิ่งแวดล้อม
รวมไปถึงการศึกษาที่ไม่ได้มุ่งเน้นที่การแข่งขัน แต่เน้นทั้งเล่น ทั้งเรียน ที่ภายหลัง มีงานวิจัยออกมาแล้วว่าเพิ่มศักยภาพของสมองได้จริง แม่แต่การเป็นพ่อแม่แบบ สโลว์ ที่หมายถึงการวางแผนมีลูกน้อยคน และเลี้ยงพวกเขาให้มีความสุขกับชีวิตวัยเด็ก ไม่ยัดเยียดชั่วโมงเรียนในโรงเรียน และการเรียนพิเศษให้แก่พวกลูกๆ
คือสรุปได้ว่า ทุกส่วนของชีวิต เราก็สามารถทำมันให้เนิบช้าอย่างงดงามได้ครับ
ผมขอเล่า…..ในสมัยที่เราเรียนช่วง ม.ต้น ที่สันโค้งฯ เชียงรายจรูญราษฎร์ ห้องคณิตและวิทยาศาสตร์ จำได้ว่าเป็นการเรียนที่แตกต่างจากช่วงประถมอย่างสิ้นเชิง เป็นการเรียนที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้นเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างเอาจริงเอาจังกับการเรียน ตอนเช้ารีบเข้าซ้อมวงดนตรีไทย ตอนเย็นว่างเมื่อไหร่จำต้องเอาหนังสือขึ้นมาท่องๆๆๆ เสาร์อาทิตย์ก็พากันไปเรียนพิเศษเพิ่มเพียงเพราะกลัวเรียนไม่ทันเพื่อน แม้แต่ช่วงพักกลางวัน บางวันต้องรีบเคียร์งานส่งอาจารย์ มากๆ ก็บ้างานพากันไม่กินข้าวครับ พกนมและขนมปังมากินไปด้วย เขียนรายงานไปด้วย (แบบหยิบขนมเคี้ยวในปาก มือก็จับปากกาครับ)
อย่างช่วงสมัยเรียนมหาลัย ใช่ว่าจะสบายขึ้น กลับต้องทำงานดีไซน์ ส่งอาจารย์วันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ และต้องรีบทำงานทุกอย่างให้เสร็จก่อนวันรุ่งขึ้น ทำเร็วสุด ได้นอนเที่ยงคืน มากก็ตีหนึ่ง ซ้ำร้ายบางทีก็เป็นงานไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลยครับทีนี้ (หรือที่เราเรียกนิสัยแย่ๆนี้ว่าเผางานนั่นเอง) แถมแปดโมงเช้าต้องอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนให้ทันคาบแรกอีก โผล่เห็นโลกอีกทีก็เกือบสองทุ่ม เรียนหนักติดๆกัน แบบไม่รู้จักชะลอตัว จวนสายพานจะขาดแบบนี้เห็นทีชีวิตน้อยๆจะต้องร่วงก่อนรุ่ง ไม่วันนี้ก็วันไหนแน่ๆ
โชคดีครับ ครั้งหนึ่งหลังสอบเสร็จ มามีโอกาสแฝงตัวซ้อนเร้น อยู่ในห้องสมุด ของมหาวิทยาลัย ตามลำพัง แสวงหาความรู้พร้อมกับเรียนรู้ แนวคิด แบบSlow life อ่านอักษร เรียงรายอยู่ในหนังสือเล่มโต ก็นำมาปรับใช้ กับชีวิต ไม่นาน เมื่อปรับตัวได้เทอมนึง โดยการปรับปรับตัววิถีชีวิตให้เข้ากับ ชั่วโมงเรียน และกิจกรรมที่แน่นเอี๊ยด ให้มันช้าลง เมื่อวางแผนดี ก็ไม่จำเป็นต้องก็ใช้ชีวิตเหนื่อยหอบเพราะคอยวิ่งแข่งกับตัวเองแล้วครับ ผมค้นพบว่าสามารถใช้ชีวิตให้ยืดหยุ่นกับงานที่อยู่ตรงหน้า หนังสือตำราที่เรียงกันเป็นตั้งๆ ร่วมกับการเดินของเข็มนาฬิกาได้ คือใช้ชีวิตให้มัน slow และ เทอร์โบ ควบคู่ เข้าไว้ อย่างมีจังหวะ จะได้มีเวลาหายใจและทำสิ่งที่เรารักบนโลกนี้นานๆกันครับ สำหรับบางคนที่อ้างอาจารย์ว่าผมไม่มีเวลาออกแบบผลงานให้ออกมาดีเหมือนใครอื่น แต่ทำไม มีเวลา นั่งดูทีวี คุยโทรศัพท์ เล่นเกมส์ได้เป็นชั่วโมงๆอันนี้น่าคิดนะครับ ^^
ปีก่อนใช้ชีวิตรีบเร่งรวดเร็วไป ปีใหม่นี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง ชิงใช้ชีวิตช้า เพื่อพบสุขและสนุกกว่า มาทำ 365วัน ของคุณ ให้ทุกวันเป็นวันที่สุดพิเศษ ด้วยกันนะครับ